40 นางสาวกมลมาศ จันทร์ไพศรี

วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 5

บันทึกอนุทิน


วิชา  การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อ.ตฤณ แจ่มถิน
วันศุกร์ ที่ 12 กรกฎาคม  พ.ศ.2556
ครั้งที่ 5 เวลาเรียน 13.10 - 16.40 น.
เวลาเข้าสอน  13.10 น.  เวลาเข้าเรียน 13.00 น. เวลาเลิกเรียน 15.10 น.
อาจารย์ให้วาดรูปสิ่งที่่ตัวเองรักที่สุดตอนเด็ๆ แล้วออกมาพูดให้เพื่อนฟัง




มันคือ กระบอกน้ำ
                  
              เป็นกระน้ำที่ดิฉันรักมากที่สุด เพราะแม่ซื้อให้ตอนเข้าโรงเรียน  เป็นสิ่งที่พกติดตัวตลอดไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะพาไปด้วย ปัจจุบันกระบอกน้ำไม่อยู่แล้วเพราะมันแตกเลยทิ้งไป

เรียนเรื่อง : องค์ประกอบของภาษา
                 องค์ประกอบของภาษา มีดังนี้
1.Phonology  คือ
-ระบบเสียงของภาษา
-เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อสื่อความหมาย
-หน่วยเสียงจะประกอบขึ้นทางภาษา
2.Semantic คือ
-ความหมายของภาษาและคำศัพท์
-ความหมายเหมือนกันแต่ใช้ศัพท์ต่างกัน
-คำศัพท์บางคำสามารถมีได้หลายความหมาย
3.Syntax  คือ
-ระบบไวยกรณ์
-การเรียงรูปประโยค
4.Pragmatic  คือ
-ระบบการนำไปใช้
-ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามสถานการณ์และกาลเทศะ
            แนวคิดนักการศึกษา
1.แนวคิดกลุ่มพฤติกรรมนิยม
เป็น ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Skinner คือ
-สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางภาษา
-ให้ความสำคัญกับสิ่งเร้าและการตอบสนอง
       ทฤษฎี John B.Watson คือ
-ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก
-การวางเงื่อนไขพฤติกรรมของเด็ด เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ และผู้ใหญ่สามารถที่จะวางเงื่อนไขให้เด็กเกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์ได้ทุกพฤติกรรม
        นักพฤติกรรมนิยมเชื่อว่า
-ภาษาเป็นกระบวนการภายในของมนุษย์
-การเรียนภาษาเป็นผลมาจากการปรับพฤติกรรมโดยสิ่งแวดล้อม
-เด็กเกิดมาโดยมีศักยภาพในการเรียนรู้ภาษา
-เด็กจะสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรม  เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบตัว
-เมื่อได้รับแรงเสริมจะทำให้เด็กเลียนแบบตัวแบบมากขึ้น
2.แนวคิดกลุ่มพัฒนาการทางสติปัญญา
          Piaget
-เด็กเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
-ภาษาเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นระดับพัฒนาการทางสติปัญญา
          Vygotsky
-เด็กเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
-สังคม บุคคลรอบข้าง มีผลต่อการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
-เน้นบทบาทของผู้ใหญ่
-ผู้ใหญ่เป็นคนคอยช่วยชี้แนะและขยายประสบการณ์ด้านภาษาของเด็ก
3.แนวคิดของกลุ่มที่เชื่อเรื่องความพร้อมทางร่างกาย
            Arnold Gesell
-เน้นความพร้อมทางด้านร่างกายในการใช้ภาษา
-ความพร้อม วุฒิภาวะของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน
-เด็กบางคนอาจมีความพร้อมทางร่างกายในการใช้ภาษาได้เร็ว
-เด็กบางคนอาจมีปัญหาอวัยวะบางส่วนที่ใช้ภาษาในการสื่อสารบกพร่อง
4.แนวคิดของกลุ่มที่เชื่อว่าภาษาติดตัวมาตั้งแต่เกิด
             Noam Chomsky
-ภาษาเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในตัวมนุษย์
-การเรียนรู้ภาษาขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะ
-มนุษย์เกิดมาโดยมีศักยภาพในการเรียนรู้ภาษามาตั้งแต่เกิด เรียกว่า LAD ( Language Acquisition Device )
              O. Hobart Mowrer
             คิดค้นทฤษฎีความพึงพอใจ
          ความสามารถในการฟังและความเพลิดเพลินจากการได้ยินเสียงผู้อื่น และเสียงตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการทางภาษา
           แนวคิดทางในการจัดประสบการณ์ทางภาษา
-เป็นสิ่งที่สะท้อนปรัชญาและความเชื่อของครูเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
-นำไปสู่การกำหนดกระบวนการที่ใช้อย่างแตกต่างกัน
            Richard and Rodger ( 1995 )ได้แบ่งมุมมองต่อภาษาในการจัดประสบการณ์เป็น3 กลุ่ม
1.มุมมองด้านโครงสร้างของภาษา
-นำองค์ประกอบย่อยของภาษามาใช้ในการสื่อสารความหมาย
-เสียง ไวยกรณ์ การประกอบคำเป็นวลี หรือประโยค
2.ด้านมุมมองหน้าที่ของภาษา
-เชื่อว่าภาษาเป็นเครื่องมือสำหรับสื่อความหมาย
-การจักประสบการณ์เน้นการสื่อความหมาย
-ไม่ได้ละทิ้งแบบแผนหรือไวยกรณ์
3.มุมมองด้านปฏิสัมพันธ์
-เชื่อว่าภาษาเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม
-การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
-เด็กมีปฏิสัมพันธ์ผ่านการใช้ภาษา



























บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 4

บันทึกอนุทิน
วิชา  การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อ.ตฤณ  แจ่มถิน
วันศุกร์ที่  5  กรกฎาคม  พ.ศ. 2556
ครั้งที่  4  เวลาเรียน  13.10 - 16.40 น.
เวลาเข้าสอน  13.10 น.  เวลาเข้าเรียน 13.00 น. เวลาเลิกเรียน  15.10 น.
แต่ละกลุ่มนำเสนองานหน้าชั้นเรียน
กลุ่มที่ 1 เรื่องภาษา
                          ภาษา  หมายถึง  เครื่องมือที่ใช้ในการสื่อความหมาย ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เช่น เสียงพูด สัญลักษณ์  เป็นต้น
                          ความสำคัญของภาษา
1. ภาษาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารของมนุษย์  ช่วยให้การติดต่อสะดวกและง่ายขึ้น
2. ภาษาเป็นสิ่งที่ช่วยยึดให้มนุษย์มีความผูกพันกัน  เพราะแต่ละภาษาต่างก็มีแบบแผนของตน
3. ภาษาเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง  แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชนชาติ
4. ภาษามีกฏเกณฑ์  ต้องรักษากฏเกณฑ์นั้นไว้  เพราะภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย
5. ภาษามีศิลปะ มีความงดงาม การใช้นั้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์
กลุ่มที่ 2 เรื่องแนวคิดทางภาษา
                             การเรียนรู้ภาษาของเด็กปฐมวัย  มีหลายทฤษฎี  ดังนี้
1. ทฤษฎีของนักพฤติกรรมศาสตร์  ( The  Behaviorist View )  มีความเชื่อว่า การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการปรับสิ่งแวดล้อมของแต่ละบุคคลที่มีอยู่ในตนเอง  และขณะเจริญเติบโต
- การเรียนรู้  การเรียนภาษาเกิดขึ้นจากการที่สิ่งแวดล้อมเป็นผู้ปรับพฤติกรรมผู้เรียน
- พฤติกรรมทั่วไปและพฤติกรรมทางภาษาถูกปรับโดยเสริมแรงจากการตอบสนองของสิ่งเร้า
- การปรับพฤติกรรมที่ซับซ้อน  จะมีกระบวนการตอบสนองเฉพาะเจาะจง โดยการใช้เสริมแรงทางบวก
2. ทฤษฎีสภาวะทิ้งตัวโดยกำเนิด ( The Nativist View )
                                ทฤษฎีนี้มีความเชื่อเกี่ยวกับกฎธรรมชาติ  และสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนเรียนรู้ภาษาของเด็กแตกต่างกัน คือ
- การให้ความสำคัญต่อองค์ประกอบภายในบุคคลเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษา
- การแปลความบทบาทขององค์ประกอบทางสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ภาษา
                                  ชอมสกี้และแมคนีล  เป็นผู้ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาของเด็กว่า เด็กทุกคนเกิดมาโดยมีโครงสร้างทางภาษาศาสตร์อยู่ในตัวโดยกำเนิด ได้แก่ โครงสร้างด้านความหมาย  ประโยคและระบบเสียง เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนระบบของภาษา  เพียงแต่ต้องค้นหาว่าระบบภาษาของตนเองเกี่ยวข้องกับภาษาสากลอย่างไร กลุ่มเสียงใดจะรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน
กลุ่มที่ 3 เรื่องพัฒนาการทางสติปัญญาแรกเกิด - 2 ปี
การเรียนรู้  0 - 1 ขวบ
 - ลูกจะใจจดจ่ออยู่กับใบหน้าของคุณแม่เมื่อยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และเขาจะจดจำใบหน้าของแม่ได้ เมื่อลูกไดียินเสียงเขาจะสอดส่ายสายตามองหาว่าแม่อยู่ไหน
อายุ 4 สัปดาห์
- เมื่อแม่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ในระยะที่เขามองเห็น  ทารกจะมองเมื่อแม่คุยกับเขาและจะพยายามลอกเลียนแบบการพูดของแม่ เมื่อทารกร้องเขาจะหยุดร้องตอนที่แม่อุ้ม
อายุ 6 สัปดาห์
- ทารกจะยิ้มไล่หลังแม่ และสายตาของเขาจะมองตามของเล่นที่เคลื่อนที่ได้
อายุ 8 สัปดาห์
- ถ้าถือของที่มีสีสันสดใสเหนืศีรษะทารก  เขาจะเงยหน้ามองและใช้เวลาสัก 2 - 3 วินาทีในการปรับสายตา และจะมองวัตถุนั้นเมื่อขยับของไปมา
กลุ่มที่ 4 เรื่อง พัฒนาการด้านสติปัญญา 2 - 4 ปี
                    เพียเจย์ ( Piaget )  ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านความคิดของเด็กว่ามีขั้นตอนหรือกระบวนการอย่างไร ทฤษฎีตั้งอยู่บนรากฐานขององค์ประกอบที่เป็นพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม  การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปตามพัฒนาการทางสติปัญญา พัฒนาการจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนเป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ  ไม่ควรจะเร่งเด็กให้ข้ามจากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่งเพราะจะทำให้เด็กเกิดผลเสียแก่เด็ก แต่การจัดประสบการณ์ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในช่วงที่เด็กกำลังจะพัฒนาไปสู่ขั้นที่สูงกว่า  สามารถช่วยให้เด็กพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มที่ 5 เรื่องพัฒนาการเด็กช่วง 4 - 6 ปี
-นับ 1 -3 ได้ถูกต้อง
-เรียงบล็อก 5 อัน ตามลำดับจากใหญ่ที่สุดไปเล็กที่สุด
-บอกชื่อและจับคู่แม่สีได้
-แยกแยะความแตกต่างระหว่างเส้นขวาง เส้นตั้ง และเส้นนอนได้
-เป็นนักสังเกตการณ์ที่ดี  โดยเฉพาะเรื่องที่ตัวเองมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วย
-เล่นของเล่นได้นานขึ้น เพราะมีสมาธิดีขึ้น
กลุ่มที่ 6 เรื่องจิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
1.แรงขับ ( Drive ) คือ ความต้องการของผู้เรียนในบางสิ่งบางอย่างแล้วจูงใจ ( Motivated ) ให้ผู้เรียนหาทางตอบสนองตามความต้องการ
2.สิ่งเร้า ( Stimulus ) เมื่อมีสิ่งเร้าผู้เรียนจะได้รับความรู้ ( Message ) หรือการชี้แนะ ( Cue )
3.การตอบสนอง ( Response ) คือ การที่ผู้เรียนแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า
4.การเสริมแรง ( Reinforcement ) คือ การให้รางวัล เช่น การชมเชย
กลุ่มที่ 7 เรื่องวิธีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
                            เพียเจย์ ( Piaget )   ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น 4 ด้าน
1.ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว ( Sensorimotor Stage ) อายุแรกเกิด - 2 ปี
2.ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ ( Pre - Operational Stage ) อายุ 2 - 7 ปี
3.ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม ( Concrete Operational Stage ) อายุ 7 - 11 ปี
4.ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม ( Formal Operational  Stage )  อายุ 11 ปีขึ้นไป
กลุ่มที่ 8 เรื่ององค์ประกอบของภาษา
-นักภาษาศาสตร์จะให้ความสำคัญของเสียงพูดมากกว่าเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะภาษาย่อมเกิดจากเสียงที่ใช้พูด ส่วนภาษาเขียนเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงพูด คำที่ใช้พูดจาจะประกอบด้วยเสียงสระ เสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต์ แต่บางภาษาก็ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ เช่น บาลี สันสหฤต เขมร อังกฤษ พยางค์ และคำ
กลุ่มที่ 9 เรื่องหลักการจัดประสบการณ์ ( ภาษาธรรมชาติ )
                       หลักการจัดประสบการณ์เป็นหลักสำคัญในการจัดประสบการณ์การณ์เรียนรู้  จำเป็นต้องศึกษาหลักสูตรให้เข้าใจเพราะในการจัดประสบการณ์ให้เด็ก 3 - 5 ปี จะต้องยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูควบคู่กับการให้การศึกษา โดยต้องคำนึงถึงความสนใจและความต้องการของเด็กทุกคนทั้งปกติ เด็กที่มีความสามารถพิเศษ และเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม สติปัญญา
กลุ่มที่ 10 เรื่องพัฒนาการทางสติปัญญา
                        พัฒนาการทางสติปัญญาของบุคคลเป็นไปตามวัยต่างๆ เป็นลำดับขั้น  ดังนี้
1.ขั้นประสาทรับรู็และการเคลื่อนไหว ( Sensori-Motor Stage)
2.ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด ( Preoperational Stage )
3.ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม ( Concrete Operation )
4.ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม ( Formal Operational)
                        เด็กควรได้รับการเสริมแรง มี 6 ขั้น ได้แก่
1.ขั้นความรู้แตกต่าง
2.ขั้นรู้สิ่งตรงกันข้าม
3.ขั้นรู้หลายระดับ
4.ขั้นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
5.ขั้นรู้ผลของการกระทำ
6.ขั้นการทดแทนอย่างลงตัว
                         
            
            
   


 

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 3

บันทึกอนุทิน
 
 
วิชา  การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปบมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อ.ตฤณ  แจ่มถิน
วันศุกร์ที่  28  มิถุนายน  พ.ศ. 2556
ครั้งที่ 3  เวลาเข้าเรียน  13.10 - 16.40
 
 
วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน  เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัย
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
animated,display picture,display pictures,picture.graphic,paint.picture,displays,logo design,animate,graphics,background,cartooning,flash,images,ภาพเคลื่อนไหว ,ภาพเคลื่อนไหวน่ารักๆ,ภาพดุ๊กดิ๊ก
 
 
 
 
 
 

บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 2

บันทึกอนุทิน
วิชา  การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อ.ตฤณ  แจ่มถิน
วันศุกร์ที่  21 มิถุนายน  พ.ศ  2556
ครั้งที่  2  เวลาเรียน  13.10 - 16.40 น.
เวลาเข้าสอน  13.10 น. เวลาเข้าเรียน  13.00 น. เลิกเรียน  14.40 น.


เรียนเรื่อง :  ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
                  ความหมายของภาษา
ภาษา  หมายถึง  การสื่อความหมาย
                   ภาษา  เป็นเครื่องมือในการแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก
                   
                   ความสำคัญของภาษา

1.ภาษาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
2.ภาษาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
3.ภาษาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน
4.ภาษาเป็นเครื่องมือช่วยจรรโลงจิตใจ
                    
                    ทักษะทางภาษาประกอบด้วย
- การฟัง
- การดู
- การอ่าน
- การเขียน


ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา  ( Piaget )
              
 
           การที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาการทางด้านภาษาและสติปัญญา
               กระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วย  2  กระบวนการท คือ
1.การดูดซึม  ( Assimilation )    เป็นกระบวนการที่เด็กได้รู้  และดูดซึมภาพต่างๆจากสิ่งแวดล้อมด้วยประสบการณ์ของตนเอง
2.การปรับความเข้าใจเดิมให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่  ( Accommodation )  เป็นกระบวนการที่เกิดควบคู่ไปกับการดูดซึมโดยปรับความรู้เดิมที่มีอยู่แล้วให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมหรือประสบการณ์ใหม่ที่ได้รับ
                เมื่อเกิดการดูดซึมและการปรับความเข้าใจจะเกิดความสมดุล ( Equilibrium ) กลายเป็นความคิดรวบยอดในสมอง
                 เพียเจต์ ( Piaget ) ได้แบ่งพัฒนาการด้านสติปัญญาซึ่งมีความสัมพันธ์กับการใช้ภาษา  ดังนี้
1.ขั้นพัฒนาการด้านประสาทสัมผัส ( Sensorimotor  Stage )  แรกเกิด - 2 ปี
- เด็กเรียนรู้จากประสาทสัมผัสต่างๆ
- เด็กเรียนรู้คำศัพท์จากสิ่งแวดล้อม  บุคคลรอบๆตัว
- เด็กสนใจสิ่งที่อยู่รอบๆตัวก่อนที่จะเรียนรู้ภาษา
2.ขั้นเตรียมการความคิดที่มีเหตุผล ( Preoperational  Stage ) 
        2.1 อายุ 2 - 4 ปี ( Preconceptual  Period ) เด็กเริ่มใช้ภาษาและสัญลักษณ์ในการสื่อสาร  เล่นบทบาทสมมติ  การเล่าเรื่อง  แสดงความรู้สึกผ่านสีหน้า  บอกชื่อสิ่งต่างๆรอบตัว  ภาษาของเด็กที่มีลักษณะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจะใช้ภาษาหรือสัญลักษณ์แสดงออกโดยคิดว่าผู้อื่นคิดเหมือนตน
        2.2 อายุ 4 - 7 ปี  ( Intuitive  Period ) ใช้ภาษาในการสื่อสารได้ดีกับคนรอบข้างให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นนามธรรมได้บ้าง  ยังยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางรู้จักสร้างมโนทัศน์โดยอาศัยการจัดกลุ่มวัตถุ  สามารถเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งของ
3.ขั้นการคิดแบบรูปธรรม ( Concrete  Operational  Stage ) อายุ 7 - 11 ปี 
- เด็กสามารถแก้ปัญหาได้โดยใช้เหตุผลที่เป็นรูปธรรม
4.ขั้นก่รคิดแยยนามธรรม ( Formal  Operational  Stage ) อายุ 11 - 15 ปี
- เด็กคิดด้วยเหตุผลอย่างเป็นระบบ  ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา  เข้าใจกฏเกณฑ์ของสังคม
           พัฒนาการทางภาษา
                เด็กจะค่อยๆสร้างความรู้และเข้าใจ เป็นลำดับขั้นครูหรือผู้สอนต้องมีความเข้าใจและยอมรับ หากพบว่าเด็กใช้คำศัพท์หรือไวยกรณ์ไม่ถูกต้องควรมองว่านั่นเป็นกระบวนการเรียนรู้ภาษาของเด็ก
             จิตวิทยาการเรียนรู้
1.ความพร้อม 
- วัย ความสามารถ และประสบการณ์เดิมของเด็ก
2.ความแตกต่างระหว่างบุคคล
- อิทธิพลทางพันธุกรรม
- อิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม
3.การจำ
- การเห็นบ่อยๆ
- การทบทวนเป็นระยะ
- การจัดหมวดหมู่
- การใช้คำสัมผัส
4.การให้แรงเสริม  มี2 ประเภท  คือ
- การให้แรงเสริมทางบวก
- การให้แรงเสริมทางลบ





















 



บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 1

บันทึกอนุทิน


วิชา  การจัดประสบการณ์ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน  อาจารย์ตฤณ  แจ่มถิน
วันจันทร์ ที่ 14  มิถุนายน  2556
ครั้งที่ 1  เวลาเรียน  13.10 - 16.40 น.
เวลาเข้าสอน  13.10 น.  เวลาเข้าเรียน  13.00 น.  เวลาเลิกเรียน  16.40 น.


สิ่งที่ได้รับจากการเรียน
               
                   ได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นเรื่องการจักประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย  หลังจากที่อาจารย์ได้อธิบายเสร็จแบ่งกลุ่มทำแผนผังความคิด นำความรู้ที่ได้รับมาช่วยกันคิดว่าแต่ละหัวข้อมีอะไรบ้างทำให้ได้ทำงานเป็นทีมและรู้ว่าถ้าเราไม่ช่วยกันคิดงานก็จะไม่เสร็จ หลังจากนั้นมีตัวแทนของกลุ่มเพื่อนออกไปนำเสนอว่าความคิดของกลุ่มเพื่อนมีอะไรบ้าง และอาจารย์สอนวิธีทำบล็อกเพื่อที่เวลาเรียนเสร็จจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปลงบล็อกของตัวเอง


การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
                   
               ทำให้รู้ว่าเรามีความรู้ความเข้าใจมากน้อยเพียงใด รู้ว่าเด็กอาจมีความคิดที่แตกต่างกัน  ภาษาแบบไหนที่เหมาะสมกับเด็กเวลาเรียนรู้แล้วจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด  




แผนผังความคิด